บทความ

นิทานอีสป หนูนากับหนูเมือง

รูปภาพ
นิทานอีสป หนูนากับหนูเมือง ที่มา smile baby ในวันหนึ่งหนูนาได้ชวนหนูเมืองมาเที่ยวที่บ้านของตน ซึ่งทั้งหนูนาและหนูเมืองต่างเป็นเพื่อนรักกัน หนูนานั้นได้เตรียมตัวต้อนรับหนูเมืองโดยการสรรหาอาหารต่างๆ มากมาย ที่จะหาได้จากท้องนามาคอยต้อนรับเพื่อนรักอย่างหนูเมือง แต่เมื่อหนูเมืองมาถึงเห็นเข้าก็เบ้ปาก แล้วพูดกับหนูนาว่า  “เจ้าทนกินอาหารแย่ๆ แบบนี้เข้าไปได้อย่างไรกัน อาหารที่บ้านของข้าอร่อยกว่านี้ตั้งมากมาย ทั้งยังมีที่นอนอันแสนสบายกว่านี้ด้วย” ดังนั้นหนูเมืองจึงได้ชวนหนูนาให้ไปเที่ยวที่บ้านของมัน และเมื่อมาถึงบ้านของหนูเมือง หนูนาเห็นอาหารอร่อยๆ มากมายเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ทั้งสองจึงพากันเข้าไปกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ขณะนั้นหนูนาได้ยินเสียงหมาเห่า จึงถามหนูเมืองว่า  “นั่นเสียงอะไรน่ะ” หนูเมืองก็ตอบว่า “ก็แค่เสียงเห่าของหมาในบ้านหลังนี้เท่านั้นเองแหละ” ครู่ต่อมาประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าหมาตัวใหญ่ที่วิ่งตรงเข้ามายังที่พวกมันกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกันอยู่ ทำให้หนูทั้งสองตัวต่างรีบวิ่งหนีกันอย่างสุดชีวิต จนเมื่อรอดพ้นจากการตามล่าของเจ้าสุนัขตัวใหญ่มาได้ หนูนาจึงพูดด้วยน้ำเสียงท

นิทาน ลูกหมูสามตัว

รูปภาพ
นิทาน ลูกหมูสามตัว ที่มา Smile Story กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่หมูกับลูกหมูสามตัว อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง ลูกหมูที่เป็นพี่ใหญ่ เป็นหมูที่เกียจคร้านเป็นอย่างมาก มักจะแอบไปหาที่หลบหลับนอนตลอดเวลา ส่วนลูกหมูตัวที่สองเป็นหมูจอมตะกละ ไม่ชอบทำงาน แม้เวลางานก็มักจะหาเรื่องพักและกินอาหารที่แอบนำมาด้วยเสมอ ส่วนลูกหมูตัวที่สามนั้น เป็นหมูที่ขยันขันแข็ง และชอบทำงานเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าลูกหมูตัวสุดท้องจะขยันขันแข็งทำงานอย่างไรก็ตาม แต่อาหารที่หามาได้ก็ต้องหมดไปในไม่ช้า เหตุเพราะที่บ้านของเขานั้นมีหมูจอมขี้เกียจ กับหมูจอมตะกละอยู่ตั้งสองตัวนั่นเอง วันหนึ่งแม่หมูจึงพูดกับลูกหมูทั้งสามว่า “พวกลูกๆโตเกินกว่าจะอยู่ในบ้านหลังน้อยของแม่แล้ว ถึงเวลาที่ลูกๆจะต้องมีบ้านเป็นของตัวเองได้แล้วล่ะจ้ะ” น้องหมูตัวสุดท้องเมื่อได้ฟังแม่หมูพูดเช่นนั้น… ก็เกิดปิติยินดีเป็นอย่างมาก ที่จะมีบ้านเป็นของตนเอง “เราจะสร้างบ้านแบบไหน แล้วจะเอาอะไรมาสร้างเป็นบ้านดีนะ” ส่วนพี่หมูตัวโตขี้เกียจได้ยินแม่หมูพูดเช่นนั้น ก็พูดบ่นทันที ด้วยไม่ชอบที่จะทำงานอยู่แล้ว จึงโดนแม่หมูดุว่า “ไม่ได้น่ะ ลูกโตแล้ว ต้องรู้จักดูแลตั

นิทานกระต่ายบนดวงจันทร์

รูปภาพ
กระต่ายบนดวงจันทร์ ที่มาhttp://www.nithan.in.th ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการถวายบริขารทุกอย่างของพ่อค้าชาวเมืองคนหนึ่งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า… กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นกระต่ายอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำล้อมรอบ มีสัตว์เป็นเพื่อนกันอัก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง ๔ เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอ ต่อมาวันหนึ่ง กระต่ายมองดูจันทร์รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอุโบสถ จึงให้โอวาท ว่า ” วันพรุ่งนี้ พวกเราจงพากันรักษาศีล ให้ทานเถิด เพราะมีผลบุญกุศลมาก ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมอาหารไว้แบ่งปันคนขอทานเถิด” สัตว์ทั้ง ๓ รับคำแล้วกลับไปยังที่อยู่ของตน ครั้นรุ่งขึ้นมีนายพรานคนหนึ่งตกเบ็ดได้ปลาตะเพียน ๗ ตัวเอาปลาฝังทรายไว้แล้วก็ข้ามไปทางใต้น้ำต่อมา นากออกหาอาหารผ่านไปในบริเวณนั้น จึงได้กลิ่นปลาแล้วจึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง รู้ว่าไม่มีเจ้าของแล้วจึงคาบเอาปลาทั้ง ๗ ตัวไปยังที่อยู่ของตน นอนรักษาศีลอยู่ ฝ่ายลิงเข้าไปในป่าได้มะม่วงมาแล้วก็กลับที่อยู่ตนนอนรักษาศีลอยู่ ส่วนเจ้ากระต่า

การทำอาหาร

รูปภาพ
การทำอาหาร ที่มา ซาอี๊ ส่วนผสม หมูมะนาว         • เนื้อหมู 300 กรัม         • ก้านคะน้า         • กระเทียมจีน 1 หัว         • พริกขี้หนู 6 เม็ด (หรือตามชอบ)         • มะนาว 3 ลูก         • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ         • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา วิธีทำ หมูมะนาว            • นำก้านคะน้ามาปอกเปลือกออกแล้วหั่นเฉียงเป็นชิ้น ๆ  • นำก้านคะน้าที่หั่นไว้ไปแช่ในน้ำแข็ง เตรียมไว้ • ปอกเปลือกกระเทียมออกแล้วนำไปหั่นหยาบ ๆ เตรียมไว้ • สับพริกขี้หนูพอหยาบ เตรียมไว้ • หั่นมะนาวเตรียมไว้ • เตรียมน้ำราดหมูมะนาว โดยผสมน้ำตาลทราย น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน • จากนั้นใส่กระเทียมสับและพริกสับลงไปคนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้ • หั่นสไลซ์เนื้อหมูเป็นแผ่นบาง ๆ ตามแนวเส้น (เพื่อให้เนื้อหมูนุ่มอร่อย) • นำหมูไปลวกในน้ำเดือดแค่พอสุก (อย่าลวกนานจะทำให้หมูแข็งกระด้าง)  • ตักเนื้อหมูขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วจัดเรียงใส่จาน • ราดด้วยน้ำราดที่ปรุงเตรียมไว้ • เสิร์ฟพร้อมกับก้านคะน้าที่เตรียมไว้ 

นิทานเด็กเลี้ยงแกะ

รูปภาพ
นิทานเด็กเลี้ยงแกะ ที่มา iampum2007 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีเด็กเลี้ยงแกะ อยู่คนหนึ่ง ในทุกๆวัน เด็กเลี้ยงแกะคนนี้ จะต้องต้อนฝูงแกะของตน ออกไปกินหญ้าที่เนินเขาใกล้ชายป่าอยู่เสมอมา…และเมื่อเขาได้นำฝูงแกะมาถึงที่แล้ว ก็จะต้องนั่ง เฝ้าเพื่อคอยปกป้องให้พ้นจากการเป็นเหยื่อของหมาป่า ซึ่งมันก็เป็นหน้าที่ประจำวันที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายอย่างที่สุดของเขา เมื่อทุกวันๆ จำจะต้องทำอย่างเดิมๆซ้ำซากจำเจและหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงรู้สึกเบื่อหน่าย อย่างที่สุด เขาจึงคิดหาเรื่องสนุกๆ ทำ เพื่อให้คลายความเครียดและเกิดความสนุกขึ้นมาเสียสักหน่อย และเมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว… จึงแกล้งร้องตะโกน ขึ้นด้วยเสียงอันดัง พร้อมทั้งวิ่งอย่างตระหนกตกใจเข้าไปในหมู่บ้าน ปากก็ร้องตะโกนโหวก เหวกไปตลอดทางว่า “ช่วยด้วยจ้า ! ช่วยด้วยจ้า….หมาป่ามากินแกะแล้ว…ช้วยด้วยเจ้าข้า…” พวกชาวบ้านได้ยินว่ามีหมาป่าออกมาดังนั้น จึงพากันวิ่งกรูเข้ามาหมายจะช่วยพร้อมด้วยอาวุธต่าง ๆที่พอจะมีกัน…แต่แล้วเมื่อ พากันวิ่งมาถึงตรงที่พวกฝูงแกะอยู่นั้น ก็ไม่พบและเห็นว่ามี หมาป่าอยู่ที่ไหนเลยสักตัวเดียว แล้วยังเห็น ว่าพวกแกะนั้นกำลังเล็มหญ้ากินกันอย่าง

นิทานกระต่ายกับเต่า

รูปภาพ
นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ที่มา iampum2007 ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งมักชอบโอ้อวดว่าตนเป็นผู้ที่วิ่งได้เร็วที่สุด อยู่มาวันหนึ่งกระต่ายเห็นเต่ากำลังคลานต้วมเตี้ยมอย่างช้าๆ กระต่ายจึงหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า  “ นี่เจ้าเต่า ถ้าเจ้าเดินช้าอย่างนี้ แล้วเมื่อไรจะกลับถึงบ้านล่ะนี่” เต่าจึงตอบกลับไปในทันทีว่า  “ถึงข้าจะเดินช้า แต่ข้าก็กลับถึงบ้านทุกวัน เรามาลองวิ่งแข่งกันมั้ยล่ะ แล้วข้าจะเอาชนะเจ้าให้ดู” กระต่ายนั้นมั่นใจว่าเต่าไม่มีทางเอาชนะตนได้เป็นแน่จึงรับคำท้า วันรุ่งขึ้นสัตว์ต่างๆ ก็พร้อมใจพากันมาดูการวิ่งแข่งขันระหว่างกระต่ายกับเต่า เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้น กระต่ายวิ่งอย่างสุดฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงเส้นชัย ส่วนเต่าก็พยายามคลานไปเรื่อยๆ ในขณะที่กระต่ายวิ่งไปจนใกล้จะถึงเส้นชัยแล้วก็คิดว่าถึงอย่างไรเสียตนก็ต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน กระต่ายจึงนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้และเผลอหลับไป ส่วนเต่าก็คลานต้วมเตี้ยมจนมาถึงเส้นชัย กระต่ายเมื่อตื่นขึ้นมาก็มองซ้ายมองขวาแล้วรีบวิ่งไปยังเส้นชัยด้วยความเร็ว แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เพราะสัตว์ป่าทั้งหลายกำลังแสดงความยินดีกับเต่าที่เป็นผู้ชนะ

นิทานก่อนนอนเรื่องเจ้าชายกบ

รูปภาพ
ที่มา Thai Fairy Tales นิทานก่อนนอนเรื่องเจ้าชายกบ   เจ้าหญิงผู้งดงามองค์หนึ่ง เสด็จออกเดินเล่นในสวน เจ้าหญิงมีลูกบอลทองลูกหนึ่ง ขณะที่เจ้าหญิงโยนลูกบอลทองเล่นอยู่นั้น ลูกบอลทองเกิดกลิ้งตกลงไปในสระ เจ้าหญิงเสียดายลูกบอลมาก กำลังยืนคิดว่า ทำอย่างไรจึงจะเอาลูกบอลคืนมาได้ ก็พอดีมีกบตัวหนึ่งกระโดดขึ้นจากน้ำ แล้วพูดกับเจ้าหญิงว่า "ถ้าหม่อมฉันรับอาสาเอาลูกบอลทองขึ้นมาให้ เจ้าหญิงจะต้องรับหม่อมฉันไว้เป็นเพื่อนสนิท ให้นั่งคู่โต๊ะเสวย และนอนเคียงกับเจ้าหญิงได้ไหม" ด้วยความอยากได้ลูกบอลทองคืน เจ้าหญิงตอบตกลงทันที เสร็จแล้วเจ้ากบน้อยก็รีบดำลงไปในน้ำสักพักใหญ่ ก็โผล่ขึ้นมา ปากคาบลูกบอลทองส่งให้เจ้าหญิง เจ้าหญิงรับลูกบอลทอง แล้วก็เดินจากไป พอตกถึงเวลาเย็น ขณะเจ้าหญิงนั่งอยู่ที่โต๊ะเสวย ร่วมกับพระราชา และพระราชินี ทันใดก็มีเสียงดังกึกๆ มาหยุดที่หน้าประตู แล้วก็มีเสียงเคาะที่ประตู เรียกชื่อเจ้าหญิง แต่เจ้าหญิงทรงนิ่งเฉยเสีย เสียงที่หน้าประตูดังขึ้นอีก "เจ้าหญิงโปรดเปิดประตูรับหม่อมฉันด้วย" เจ้าหญิงทรงเดินไปเปิดประตู เห็นกบตัวที่พบในสวน เจ้าหญิงจึงทำเฉยเสีย แล้วปิดประตู แล้วกลั